วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

<?php
$sql ="select * from student order by id asc "; 
//กำหนดตัวแปร $sql ให้เลือกทั้งหมดของตาราง student และให้เรียงจากน้อยไปมาก

$query=mysql_query($sql) or die(mysql_error()); 
//กำหนดตัวแปร $query ให้ประมวลตัวแปร $sql และตรวจ error

$num=mysql_num_rows($query); 
//กำหนดตัวแปร $num โดยมาจากการนับจำนวน row ของตัวแปร $query 

echo $num;
 //แสดงผลของตัวแปร $num
?>

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

if-else

<?php 

$score=78;
if($score<50)
{echo 'grade 0'; }
else if($score<56)
{echo 'grade 1'; }
else if($score<60)
{echo 'grade 1.5'; }
else if($score<65)
{echo 'grade 2'; }
else if($score<70)
{echo 'grade 2.5'; }
else if($score<75)
{echo 'grade 3'; }
else if($score<80)
{echo 'grade 3.5'; }
else
{echo 'grade 4'; }

?>

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

matthew39arch

วันนี้นำ Tutorial และ How to  ดีๆ เกี่ยวกับการวาดรูป ลงสี มาฝาก..

ช่องของคุณmatthew39arch ใน YouTube
และ www.drawing-tutorials-online.com เว็บไซต์ส่วนตัวของเขา



บางคลิปในYouTubeของเขา

How To Draw Hair




How to Draw the Hand





Sculpting The Art Critic

คลิปนี้เป็นงานประติมากรรม ของศิลปินชาวอเมริกันนาม ฟิลิปเป้ ฟารอท Philippe Faraut


เว็บไซต์ส่วนตัว มีงานปั้นอีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ เชิญเข้าไปติดตามชมกันได้

และ facebook ของเขา

เทคนิคการจับดินสอ ร่างภาพเปอร์สเปคทีฟ

สอนเขียนภาพเปอร์สเปคทีฟ 1-2 จุด โดย Karl Gude นาย Karl Gude อดีตเคยเป็นหัวหน้าด้านข้อมูลการออกแบบกราฟิกที่ Newsweek ก่อนที่จะย้ายไป Michigan State University ตอนนี้เขากำลังสอนกราฟิกสารสนเทศและการสื่อสารภาพที่คณะวารสารศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน หลักสูตรทั่วไปเกี่ยวกับกระบวนการความคิดสร้างสรรค์และสังคม สื่อการตลาดในวิทยาลัยการสื่อสารศิลปะและวิทยาศาสตร์



ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaiart.in.th

Marcello Barenghi

เนื่องจากวันนี้กำลังหาเนื้อหาแจ่มๆดีๆมาทำบล็อก  ทำให้บังเอิญไปเจอ...

Marcello Barenghi  เป็นช่องในYouTube

How I draw an aquamarine necklace


Freaking realistic drawing of a fifty euro note


Amazing Maserati Granturismo Drawing







myhomework

เด็กหญิงกระดาษกับเจ้าชาย




1. ร่างภาพ

2.  ลงสี
3.ตกแต่งพื้นหลัง







###ปรับแสง สี ให้สวยยยยย ^^






  สีโปสเตอร์(Poster Color) 


เป็นสีน้ำชนิดหนึ่งเนื่องจากมีน้ำเป็นส่วนผสม นิยมบรรจุขวด
มีเนื้อสีข้นค่อนข้างหยาบ และมีคุณสมบัติทึบแสง เพราะเติมแป้งหรือเนื้อสีขาวลงไป  เรียกว่า
 "สีแป้ง"

           การเขียนภาพด้วยสีโปสเตอร์เป็นงานจิตกรรมที่เป็นกระบวนการสืบเนื่องจากการวาดภาพ
แรเงา เช่นเดียวกับการเขียนด้วยสีน้ำ คือเปลี่ยนจากการใช้ดินสอระบายน้ำหนักลงบนรูปร่าง
รูปทรงที่วาด มาเป็นการใช้สีโปสเตอร์แทน


            สีโปสเตอร์เป็นสีที่มีลักษณะขุ่นทึบ เนื้อสีมีลักษณะคล้ายแป้ง ซึ่งแตกต่างจากลักษณะของ
สีน้ำที่โปร่งใสไม่มีเนื้อสี สีโปสเตอร์เหมือนกันกับสีน้ำตรงที่ เมื่อจะใช้ในการระบายภาพวาดจะต้อง
ผสมน้ำก่อน

           การเขียนสีโปสเตอร์ สามารถระบายด้วยพู่กันซ้ำๆที่เดิมได้ ซึ่งแตกต่างจากสีน้ำ ถ้าระบาย
ถูไปมาด้วยพู่กันซ้ำหลายๆครั้งจะทำให้สีช้ำ สกปรก กระดาษเป็นขุยดูไม่ใสสวย สำหรับสีโปสเตอร์
 นอกจากการใช้พู่กันเกลี่ยสีซ้ำที่ได้แล้ว ยังนิยมผสมกับสีขาวเมื่อต้องการให้สีอ่อนลงมากน้อยเพียง
ใดก็ขึ้นอยู่กับปริมาณสีขาวที่ผสมลงไป และเมื่อต้องการให้ความจัดของสีหม่นลงหรือเมื่อต้องการให้
สีนั้นมืดเข้มขึ้น ก็ให้ผสมด้วยสีดำตามปริมาณมากน้อยตามที่ต้องการ

 
           การฝึกเขียนสีโปสเตอร์ในเบื้องต้นก็เช่นเดียวกับการฝึกเขียนสีน้ำ มักนิยมเขียนจากหุ่นนิ่ง
เพื่อให้เกิดชำนาญมีทักษะรู้จักสังเกตเห็นลักษณะของสีและค้นพบเทคนิคการระบายสีด้วยตนเอง
จากนั้นจึงใช้เทคนิคการเขียนสีโปสเตอร์มาเขียนภาพสื่อความคิด จินตนาการเป็นเรื่องราวหรือ
เหตุการณ์ต่างๆได้ตามความต้องการ

            การเดรียมวัสดุอุปกรณ์ และขั้นตอนการฝึกปฏิบัติการเขียนภาพด้วยสีโปสเตอร์ จะกระทำ
เช่นเดียวกับการเขียนภาพด้วยสีน้ำ

 
          การระบายสีโปสเตอร์ขั้นพื้นฐาน มีวิธีการระบายให้สีผสมผสานกลมกลืนกัน 2 วิธี ดังนี้

    1) การระบายจากสีแก่ไปหาสีอ่อน เป็นการระบายสีโดยคำนึงถึงเงาเข้มของภาพก่อนแล้ว
ค่อยลดน้ำหนักให้อ่อนจางลงด้วยการผสมสีขาวหรือสีใกล้เคียงกันในวงจรสีที่มีน้ำหนักอ่อนลง
ตามลำดับ มาผสมเพิ่มเข้าไปทีละน้อยในลักษณะของการไล่น้ำหนักสี เพื่อให้ภาพสว่างกลมกลืนกัน
 
    2) การรระบายจากสีอ่อนไปหาสีแก่ เป็นการระบายสีโดยคำนึงถึงส่วนสว่างหรือส่วนที่ได้รับ
แสงก่อน แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักให้เข้มขึ้นทีละน้อยด้วยการผสมสีดำหรือสีตรงกันข้ามหรื่อ
สีใกล้เคียงกันในวงจรสีที่มีน้ำหนักเข้มขึ้นตามลำดับในลักษณะของการไล่น้ำหนักสี เพื่อให้เกิด
การประสานกลมกลืนกัน
 

  (แหล่งอ้างอิง : วิทูรย์ โสแก้ว.ทัศนศิลป์ ม.4. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช. 2551 และ http://krunarurpol2529.spaces.live.com/blog
/cns!3DC57EA2D248132E!169.entry)

การวาดสัดส่วน


1. เส้นแบ่งกลางหัว เอาไว้กะระยะห่างและวางตำแหร่งของตา 2 ข้าง แล้วก็เอาไว้กำหนดตำแหน่งของคางด้านล้างด้วย ว่าจะให้มันแหลมไปหาหันตรงไหน
2. เส้นแบ่งกลางหัวอีกอัน เอาไว้กะระนาบ ตา 2 ข้างให้เท่ากัน
3. เส้นแบ่งกลางลำตัว เอาไว้วางหน้าอก แถ้าเป็นผู้ชาย หัวหน้มนมจะอยู่ที่เส้นนี้พอดีเลยนะ ส่วนตำแหน่งของมันก็คือแบ่ง 3 เหลี่ยมอันบนออกจากกันนั่นเอง
4. เส้นยอดหน้มนมของผู้หญิง จะอยู่ลงมาด้านล่างเส้นแบ่งกลางตัวนิดหน่อย ยิ่งอกใหญ่และคล้อยตัวมาก ก็จะยิ่งเลื่อนลงไปด้านล่าง แต่ถ้าหน้มนมเล็กมาก ตำแหน่งนี้ก็จะเลื่อนขึ้นไปด้านบน
5. เส้นเนื้อส่วนก้น เพิ่มเข้าไปจะช่วยให้เนื้อดูอวบอัดน่าหม่ำขึ้น
6. กล้ามเนื้อให้พยายามวาดด้วยเส้นโค้งนิดๆ ให้ดูอารมณ์เหมือนเนื้อที่เบียดกัน จะทำให้ดูนุ่มตาขึ้นกว่าการวาดเส้นแขนขาเป็นเส้นตรง (แต่อย่าใส่เยอะมากล่ะ เดี๋ยวกล้ามออก)
7. ไหปลาร้า ให้วาดเอาไว้ เส้นนี้จะโยงและเกี่ยวพันไปถึง หัวไหล่ด้วยนะ 
8. เส้นเชื่อมฐานนมกับกล้ามไหล่ วาดไว้ เพื่อหน้มนมจะได้ไม่ดูเป็นลูกบอลแปะอยู่บนอกเฉยๆ 
9. ตำแหน่งข้อต่อของไหล่ ถ้าเป็นสาวๆ จะอยู่ภายใน 3 เหลี่ยมอันบน แต่ถ้าเป็นผู้ชายข้อต่อนี้จะเลื่อนออกไปด้านข้างมากขึ้น (เพราะผู้ชายมีไหล่กว้างกว่าผู้หญิงไง)

   วิธีวาดพวกนี้ เป็นแบบของหมึกแดงนะครับ ไม่ได้อ้างทฤษฏีอะไรมากมายนัก บางส่วนก็เป็นความรู้สึกของผมเอง เอาไว้ใช้ดูและสังเกตุได้ แต่อย่ายึดถือให้จริงจังมากนะครับ เรื่องสัดส่วนเนี่ย หลายคนก็ชอบหลายแบบต่างกันไปล่ะ 
   ไม่จำเป็นต้องวาดตามแบบนี้แล้วถึงจะสวยไปซะหมดหรอกครับ (ดูอย่าง Clamp สิ วาดแขนขาลีบๆ แต่ก็ยังสวยเลย)
ขอบคุณที่มาจาก: butter-t.exteen.com

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Tips! การใช้สีน้ำ (2)

อุปกรณ์ที่จะใช้





เทคนิค

1. เกลือ เบสิคมาก ..... ลงสีน้ำไปก่อน เปียกๆ
 

โปรยเกลือลงไป เกลือเม็ดเล็กดูดน้ำเป็นจุด เม็ดใหญ่รัศมีก็ใหญ่ตาม

เสร็จแล้วเป็นแบบนี้
เป็นการสร้างเท็กเจอร์อย่างนึงให้ภาพจ้ะ 
*ห้าม* เด็ดขาดเลย ห้ามปัดเกลือออกตอนยังเปียก ไม่งั้นคุณจะเสียใจ จริงๆ
 


2. เป่า

อาศัยอุปกรณ์คือหลอดกาแฟ ให้เป่าง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่มี ก็เป่าปากเปล่าได้เลย เหนื่อยนิดนึง
 
วิธีเป่าก็ลงสีเปียกไปกองนึงก่อน
 
แล้วก็เป่าไปด้วย ก่อนจะแห้งก็ลูบสีอื่นลงไปด้วย เป่าต่อไปเลย 

วิธีเป่าจะเบลนด์สีให้เราเองโดยอัตโนมัติ

ลงสีใหม่เข้าไป เป่าแล้วสีจะผสมกันเอง แต่ต้องระวังเรื่องสีเน่าด้วย
บางสีผสมกันดูแล้วก็ยาขมมากๆ แผ่รัศมีออกมาได้ยาวไกลทีเดียว



3.มาสกิ้งฟลูอิท

ทำฉากด้านหลัง ....ลงน้ำก่อน


หยดสีหมึกกับสีน้ำลงไป รอแห้ง อย่าลืมนะ รอแห้ง
 
 
และ นี่คือมาสกิ้งฟลูอิท เป็นน้ำยาง ไม่ทำร้ายผิวกระดาษ 
 
เราใช้ไม้จิ้มฟันเกลี่ย วาดเป็นลายที่ชอบ 
 
ลงสีดำทับ แล้วรอให้แห้ง
 
พอแห้งแล้ว อย่านานไปนัก เอานิ้วถูยางออกมา ดึงออกให้หมด 
 

เสร็จแล้วววว!

ใช้ลงเป็นลวดลายเสื้อผ้า ฝาผนัง หรืออะไรก็ได้
เป็นการเว้นขาวที่ไม่ทำลายงาน เพราะถ้าเว้นพลาดก็เป่าให้แห้งแล้วใช้นิ้วถูออก



ขอบคุณบทความดีๆจาก chotima34816.blogspot.com

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Tips! การใช้สีน้ำ (1)

อุปกรณ์ที่จะใช้


เวลาผสมสีค่ะ ความเข้มสีจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนปริมาณน้ำกับสี






1.ลงเรียบสีเดียว
1. กำหนดขอบเขตที่จะลงสีแล้วปาดสีลงมาให้มีน้ำสีทิ้งไว้
2. ลงสีต่อมาเรื่อยๆก็อย่าให้น้ำสีแห้งนะคะ สำคัญมาก
3. ลงสีแบบเลี้ยงน้ำมาเรื่อยๆจนเต็มพื้นที่ๆต้องการจะเห็นว่ามีน้ำสีกองอยู่
4. ใช้พู่กัน แห้ง ปาดน้ำสีที่กองอยู่ออก แตะเบาๆก็พอ เอาออกให้หมดนะไม่งั้นจะเหลือคราบน้ำทิ้งไว้
5. เรียบร้อย

2.ลงเรียบสองสี
1. เริ่มมาก็ลงแบบลงเรียบสีเดียวก่อนแล้วก็หยุดตรงที่ต้องการให้เริ่มมีการไล่สี อย่าลืมเลี้ยงน้ำตลอดเวลา
2. ปาดสีที่สองให้ห่างจากสีแรกนิดหน่อย
3. ปาดสีที่สองขึ้นไปหาสีแรก
4. ปาดสีที่ผสมกันเองเล้วลงมาอีกนิดหน่อย แล้วทิ้งไว้ก่อน
5. ลงสีที่สองต่อจากน้ำสีผสมที่ทิ้งไว้ได้เลย อย่าปล่อยให้สีแห้ง
6. ลงสีเรียบร้อยก็ปาดเก็บน้ำสีที่เหลือเหมือนลงเรียบสีเดียว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

3. ลงสีแบบเปียกทับเปียก
1. ลงสีเรียบธรรมดาไว้ก่อน ลงให้ชุ่มน้ำพอควร
2. อย่าปล่อยให้สีแห้ง แตะสีที่สองทับลงไปบนสีแรกเลยค่ะ จะทำรูปทรงไหนก็ตามสบายเลย
    สีมันจะไหลไปตามธรรมชาติเองค่ะ ยิ่งสีที่สองข้นเท่าไหร่มันจะไหลยากเท่านั้น
    เพราะงั้นถ้าอยากให้สีฟุ้งมากๆก็เจือจางน้ำเยอะนิดนึง แต่อย่าเยอะมากเกินล่ะเดี๋ยวสีที่สองจะไม่ออกมา 
3. ปาดสีเก็บให้เรียบร้อย ปล่อยให้แห้ง

4. เปียกทับแห้ง
มีสองแบบ
การลงเงา
1. ลงสีเรียบธรรมดาแล้วปล่อยให้สีแห้ง
2. ลงสีที่สองทับลงไปแล้วปล่อยให้แห้งไปเอง

จะเห็นว่าเงาจะชัดมากใช่มั้ยคะ ขอบจะคมมากซึ่งบางทีมันก็ใช้ได้ แต่บางทีมันจะทำให้งานแข็ง

การเบลอเงา
1. ลงสีเรียบธรรมดา ปล่อยแห้ง
2. ลงสีที่สองทับ
3. ช่วงที่สียังไม่แห้งใช้พู่กันหมาดๆปาดขอบสีแล้วใช้พู่กันจุ่มน้ำเกลี่ยน้ำต่อจากที่ปาดอีกทีอีกที
4. ใช้พู่กันถูขอบเบาๆให้กลืนกับน้ำแล้วปล่อยให้แห้ง
*อย่าปล่อยให้สีที่สองแห้ง ไม่งั้นจะปาดไม่ได้*

เปรียบเทียบการลงเปียกทับแห้งทั้งสองแบบ

5. การขูดสี - แบบเปียก
1. ลงสีเรียบธรรมดา
2. ช่วงที่สีเริ่มหมาดใช้พู่กันแห้งปาดลงบริเวณที่ต้องการ อยากให้สีออกเยอะก็ปาดซ้ำซักสองสามที
3. เรียบร้อย 

6. การขูดสี - แบบแห้ง
1. ลงสีเรียบธรรมดาแล้วปล่อยแห้ง
2. ใช่พู่กันจุ่มน้ำปาดลงไปบริเวณที่ต้องการขูดสีออก
3. แถบสีแดงคือจุดที่เราปาดน้ำลงไป แล้วใช้พู่กันหมาดถูซ้ำที่ลงน้ำไปซักสองสามทีพอให้สีเริ่มจาง
4. พอสีเริ่มจาง (อย่าให้น้ำที่ปาดแห้ง) ใช่ทิชชู่ซับทันทีแรงๆ
5. สีก็จะหลุดออกไปเรียบร้ย ไว้ใช้แก้งานที่ลงพลาดได้

7. การต่อสี
วิธีไว้ใช้เวลาลงสีพื้นที่มหญ่แล้วลงสีไม่ทัน
1. เวลาลงสีแล้วเห็นว่าลงไม่ทันแน่ สีหมดหรือเกิดแอคซิเดนท์อะไรขึ้นให้ต้องหยุดกลางคัน
    ให้เรารีบปาดน้ำตรงจุดที่ต้องหยุด(เหมือนการไล่สีด้วยน้ำเปล่า)
2. พอสีที่ลงไปแห้งแล้วก็ใช้พู่กันสะอาดลงน้ำทับเหนือจุดที่เราหยุดไว้นิดหน่อ
3. ลงน้ำเสร็จก็ใช้สีเดิมหรือสีที่ต้องการลงต่อได้เลย โดยให้สีที่ลงใหม่เข้าไปชนกับน้ำเปล่าที่ปาดทิ้งไว้แล้ว
4. เก็บขอบสีให้เรียบร้อยค่ะ
5. พอสีแห้งก็จะออกมาตามภาพ

8. การลดความคมของเงา (เบลอเงา)
วิธีนี้ไว้ใช้แก้เวลาลงเงา บางทีเราเบลอเงาพลาดสีไม่กลืนดีก็ต้องมาแก้แบบนี้
1. ลงสีเรียบธรรมดา
2. ลงสีเงาแบบธรรมดา จะเห็นว่าเงาตัดชัดเจนมาก
3. ใช้พู่กันหมาดถูบริเวณที่ต้องการลดความคมลง
4. อย่าถูมากเดี๋ยวสีจะหลุดเยอะหลายเป็นการขูดสีแทน ถูเบาๆให้สีเบลอก็พอ
5. ใช้พู่กันจุ่มน้ำหมาดๆปาดซ้ำให้สีที่เราถูออกมากลืนกับสีเดิมอีกที
6. ปล่อยให้แห้ง เรียบร้อย
 
                                 เปรียบเทียบก่อนหลัง



ขอบคุณบทความดีๆจาก ltanatosl.exteen.com

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการวาดเส้น


1. ดินสอ

ดินสอ เป็นเครื่องมือพื้นฐาน และ จัดหาง่ายที่สุดในการใช้เขียนหนังสือและงานวาดเส้น ดินสอที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีให้เลือกสะดวกในการใช้อยู่หลายชนิด ตั้งแต่ที่เป็นไม้หุ้มต้องใช้มีดเหลา หรือ ชนิดที่เปลี่ยนไส้ได้ บางครั้งก็เรียกว่าดินสอกดซึ่งมีหลายประเภท และในแต่ละชนิดของดินสอ ก็แบ่งคุณสมบัติของไส้ดินสอซึ้งทำด้วยแกรไฟต์ (Graphite) เพื่อสะดวกและเหมาะกับการใช้งาน
คุณสมบัติของไส้ดินสอดำ จะเป็น อ่อน-แก่ คือถ้าไส้มีความแข็งจะให้น้ำหนักอ่อน ถ้าไส้อ่อนจะให้น้ำหนักดำเข้ม โดยมีตัวอักษร H และ B เป็นตัวบอก

                                                                         
                                           น้ำหนักระดับกลาง                                                               
12H-11H-10H-9H-8H -7H-6H-5H-4H-3H-2H-H- HB -B-2B-3B-4B-5B-6B-EE
     กลุ่ม H ตัวเลขยิ่งมากไส้จะแข็ง น้ำหนักจะอ่อน                     กลุ่ม B ไส้จะอ่อนแต่จะเมดำขึ้น
โดยทั่วไปในงานวาดเส้นจะใช้ดินสอดำอยู่ที่ ระดับ 2B-4B แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของงานด้วยคุณสมบัติที่ดีของดินสออีกอย่างหนึ่งก็ดือ สามารถทำให้ภาพ อ่อน-แก่ หรือไล่น้ำหนักมือได้เป็นอย่างดีนอกเหนือจากเลือกชนิดจากคุณสมบัติอ่อน-แก่ ตามที่ H-B กำหนดไว้แล้ว

2.ปากกา

       ในงานวาดเส้น ปากกา ก็เป็นเครื่องมือที่สำคัญ และ จัดหาได้ง่าย สะดวกในการใช้เขียนทั่วไป และ งานวาดเส้นให้ขนาด และ น้ำหนักของเส้นสม่ำเสมอ แต่จะมีข้อเสียเปรียบจากดินสอ ในส่วนที่ไม่สามารถทำให้ภาพ อ่อน-แก่ หรือ ไล่น้ำหนักได้ปากกาก็มีหลายชนิดเช่นกัน ให้คุณภาพ  การใช้งานที่หลากหลาย มีทั้ง ปากกาหมึกแห้ง ปากกาหมึกน้ำ ปากกาหมึกซึม ปากกาหมึกเคมี ปากกาลูกลื่น ปากกาปลายสักหลาด ปากกาเขียนแบบ และ มีขนาดของเส้นต่างๆกัน ในการใช้จึงขึ้นกับรูปแบบและชนิดของงานออกแบบ




3.มีด หรือ คัตเตอร์

       ส่วนใหญ่จะนำมาใช้เหลาดินสอ และ ตัดกระดาษ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ให้ความปลอดภัย ก็จะเป็น คัตเตอร์ มีหลายขนาด ตัวใบตัดสามารถหักเพื่อเปลี่ยนความคมและเลื่อนเก็บได้ มีความสะดวก ในการพกพา ในการเหลาดินสอ บางครั้งอาจใช้เครื่องเหลาแบบหมุนตั้งโต๊ะ ซึงก็ให้ความสะดวก แต่การใช้คัตเตอร์ นอกจากสะดวกพกพา ยังสามารถเหลาให้ได้ความยาวของไส้ได้ตามต้องการ 

4.ยางลบ

     ยางลบ เป็น ตัวช่วยแก้ไขในส่วนที่ผิด ช่วยในการตกแต่งภาพบางส่วน และ ช่วยทำความสะอาดพื้นของชิ้นงาน โดยเฉพาะงานที่ใช้ดินสอดำทั่วไป ยางลบที่ใช้มีหลายคุณภาพ ควรเลือกใช้ที่มีเนื้อยางนุ่มจะทำให้เนื้อหรือผิวของกระดาษไม่เสียหาย

 5.กระดาษ

     กระดาษเป็นวัสดุ ที่มีความสำคัญมากเช่นกัน ซึ่งเป็นพื้นที่ปรากฏภาพ หรือผลงาน ในการวาดเส้นอาจใช้ได้หลายชนิดซึงมีให้เลือกมาก ก็ขึ้นอยู่กันรูปแบบของงาน โดยทั่วไป กระดาษ ในการทำงานวาดภาพ จะใช้การดาษวาดเขียน ที่มีขนาดเรียกเป็น ปอนด์ ที่เหมาะสมทั่วไปจะอยู่ในระดับ 60-80 ปอนด์ และใช้ด้านที่มีผิวเรียบ ถ้าเป็นการวาดภาพที่ใช้ถ่านชาร์โคลในการวาดภาพ กระดาษที่ใช้มักนิยมกระดาษปรู๊ฟ เพราะผิวของกระดาษจะจับเนื้อถ่านสีดำได้ดีและราคาไม่สูง เหมาะกับการนำมาเขียนที่ใช้ความเร็ว ไม่ต้องการรายละเอียดมากนัก

6.ไม้บรรทัด

    จัดเป็นเครื่องมือพื้นฐาน ที่ช่วยให้การลากเส้นได้แนวตรง มีทั้งที่เป็นพลาสติก และ โลหะ ใช้ วัดบอกระยะ ทั้งที่เป็น เซนติเมตร และ นิ้ว นอกจากนี้ก็ช่วยเป็นเครื่องมือ ทาบแนวในการตัดกระดาษ


7.พู่กัน-แปรง

    เป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างยากในการวาดเส้น ยกเว้นในกรณีที่ต้องให้รูปแบบของงาน มีลีลาของ   เส้นที่สวยงาม ไม่นิยมใช้วาดหรือเขียนเส้นร่าง แต่อาจนำมาช่วยในการระบายส่วนพื้น ซึ่งทำให้เกิดความรวดเร็วพู่กัน และ แปรง จะมีหลายขนาด หลายชนิด และ หลายคุณภาพ ส่วนใหญ่คุณภาพจะอยู่ที่ขนแปรง ซึ่งเป็นตัวอุ้มน้ำสีเอาไว้ แล้วจึงระบายลงบนกระดาษ โดยที่ขนแปรงไม่แตก มีความอ่อนนุ่มเกาะกลุ่ม และ สปริงตัวได้ ไม่แข็งแตกกระจาย

8.สี

    ในการวดเส้นจะไม่เน้นมากนัก แต่ก็นำมาใช้ในลักษณะ ของการระบายพื้น เพื่อเน้นลักษณะของเส้นให้เด่น หรือ ชัดเจนยิ่งขึ้น เครื่องมือที่ใช้คู่สีก็เป็น พู่กัน ซึ่งมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สีที่ใช้ก็มีทั้งสีน้ำหลอดทั่วไป หมึกดำ หรือ ที่เรียกว่า หมึกอินเดียอิงค์ ในกรณีที่ชิ้นงานเป็นรูปวาดเส้นขาว-ดำ

 9.จานผสมสี

     มีทั้งจานสำเร็จรูป พลาสติก ที่มีหลุมหลายหลุม จนถึงจานที่เป็น CERAMIC สีขาว เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้งานเกี่ยวกับการระบายสีสะดวก ในการใส่สี ผสมสี หรือทำให้สีเจือจาง เพื่อได้น้ำหนักอ่อน- แก่ ควรเลือกใช้ที่เป็นสีขาว

10.แผ่นกระดานรอง

     แผ่นกระดานรอง ส่วนใหญ่จะใช้ไม้กระดานอัด หรือกระดาษ 4 มม. เพราะจะมีน้ำหนักเบา พื้นเรียบ สามารถใช้งานได้ดีโดยเฉพาะนำออกนอกพื้นที่ อุปกณ์ที่ควบคู่กับแผ่นกระดานรอง อีกอย่างก็คือ ตัวหนีบ กระดาษเทปกาว ซึ่งเป็นตัวช่วยจับยึดกระดาษ
         นอกจาก วัสดุอุปกรณ์หลักดั่งกล่าว ในการวาดเส้นในงานออกแบบ ก็มีอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมอื่นอีกเช่น วงเวียน กระดาษทิชชู ตัวหนีบ มัสซิ่งเทป กระเป๋าใส่ผลงาน แผ่นรองตัด โต๊ะ เก้าอี้นั่งทำงาน ฯลฯ
คุณภาพของ วัสดุ-อุปกรณ์ มีส่วนสำคัญในการสร้างผลงาน เพราะจะทำให้ผลงาน เรียบร้อย ดูดี และ ทำได้สะดวกรวดเร็ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามทักษะฝีมือของผู้วาดเส้น จะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ในการวาดเส้น ดังนั้น เครื่องมือดี ฝีมือดี จึงจะได้ผลงานที่ดี และ มีคุณภาพ 

สรุป

     วาดเส้น ก็เป็นผลงานสร้างสรรค์ของมนุษย์อย่างหนึ่งที่ใช้ อุปกรณ์ต่างๆ ขีด เขียน เป็นภาพ ที่มีความหมายตามที่สมอง หรือ สติปัญญาสั่งการ โดยมีตา เป็นสื่อรับรู้ของการเกิดภาพนั้นๆ ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคหินเก่า สะท้อนสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ยุคนั้น ให้คุณค่าทั้งทางโบราณคดี และคุณค่าทางทักษะฝีมือ การวาดเส้น มีบทบาทต่องานออกแบบเกือบทุกแขนง เป็นสื่อในการถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ทุกรูปแบบ ซึ่งทำได้สะดวก รวดเร็ว ง่าย และใช้อุปกรณ์เขียนพื้นฐานทั่วไป แต่ทั่งนี้ก็ต้องขึ้นกับความสามารถ ทางทักษะฝีมือของผู้วาดเส้น ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ในการวาดเส้น เพื่อให้ได้ผลงานตามจุดมุ่งหมาย


ขอบคุณที่มาจาก bspwit.ac.th


วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Before You Start



อุปกรณ์ง่ายๆ ไม่กี่อย่างที่ต้องเตรียม 
สำหรับการฝึกมือเพื่อเตรียมตัวสร้างผลงานช็อคโลกในอนาคต
1. ดินสอ EE+คัดเตอร์
2. กระดาษบรูฟ+กระดานสเกต
3. ยางลบ ที่พกมาไว้เพื่อความมั่นใจเหมือนกับการสวมพระไว้กันผี


มาถึงการจับดินสอ
มีการจับอยู่หลากหลายตามความถนัดแต่ที่อยากแนะนำให้ลองฝึกเพื่อความคล่องตัวและสะดวกในการใช้งาน คงมีอยู่ อย่างด้วยกัน
1. จับแบบเขียนหนังสือ
   - ใช้สำหรับการเก็บรายละเอียดของงานในพื้นที่เล็ก แคบ
   - วิธีการจับแบบนี้จะใช้ข้อนิ้วในการควบคุมดินสอ เหมือนการเขียนตัวอักษร
   - เป็นการใช้กล้ามเนื้อเล็กของข้อนิ้วในการควบคุมพื้นที่แคบ หากใช้พื้นที่กว้างขึ้นก็เริ่มใช้ข้อมือเป็นศูนย์กลาง
2. จับจับแบบหลวม ใช้สำหรับร่างภาพ ต้องการสะบัดข้อมือแบบสบายๆ
3. จับแบบใช้ทุกนิ้วสัมผัส เพื่อประคองดินสอให้เป็นแนวเส้นตรงสำหรับการลากเส้นแนวดิ่ง ขวาง หรือเฉียง
4. จับแบบคว่ำมือ ใช้สำหรับการกำหนดเส้นร่างแบบคร่าวๆ และให้เบาบางที่สุด

ได้โปรด กรุณาอย่าใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งล๊อกดินสอ
พยายามจับให้ดินสอเป็นอิสระมากที่สุดโดยนิ้วแค่เป็นตัว ประคองดินสอไว้ให้เหมือนกับว่าดินสอนั้นเป็นส่วนหนึ่งในมือของเราที่จะ บังคับให้ปลายดินสอนั้นไปทางไหนก็ได้ตามใจปรารถนาเหมือนกับเวลาใช้นิ้วก้อย แคะขี้มูก


อีกนิดครับสำหรับการเหลาดินสอ EE อยากให้ใช้คัดเตอร์เหลาให้ไส้ดินสอออกมายาวๆหน่อย เพื่อความสะดวกกับองศาของเนื้อไม้กับไส้ดินสอเวลาวาด และที่สำคัญ อย่าทำหล่นเด็ดขาด เพราะนั้นหมายถึงไส้ดินสอจะหักข้างใน เพราะไส้เปราะมาก

ตอนนี้จะแนะนำจุดศูนย์กลางของแต่ละส่วนในการหมุนตวัดปลายดินสอให้ฉวัดเฉวียน แต่ไม่เวียนหัวถ้าทำได้

การใช้กล้ามเนื้อเล็กของข้อนิ้วในการควบคุมพื้นที่แคบสำหรับเก็บรายละเอียด
การใช้ข้อมือเป็นศูนย์กลาง เพื่อร่างภาพในวงแคบ
การใช้ข้อศอกเป็นศูนย์กลาง เพื่อร่างภาพในวงกว้าง
การใช้ไหล่เป็นศูนย์กลางเพื่อร่างภาพในวงกว้างมากขึ้น
กระดูกสันหลังส่วนเอว ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อใหญ่ ในการวาดภาพใหญ่ๆ อย่างวาดบนกำแพง เฟรมใหญ่ๆเป็นต้น

อีกนิดครับสำหรับการเหลาดินสอ EE อยากให้ใช้คัดเตอร์เหลาให้ไส้ดินสอออกมายาวๆหน่อย เพื่อความสะดวกกับองศาของเนื้อไม้กับไส้ดินสอเวลาวาด และที่สำคัญ อย่าทำหล่นเด็ดขาด เพราะนั้นหมายถึงไส้ดินสอจะหักข้างใน เพราะไส้เปราะมาก

ตอนนี้จะแนะนำจุดศูนย์กลางของแต่ละส่วนในการหมุนตวัดปลายดินสอให้ฉวัดเฉวียน แต่ไม่เวียนหัวถ้าทำได้

การใช้กล้ามเนื้อเล็กของข้อนิ้วในการควบคุมพื้นที่แคบสำหรับเก็บรายละเอียด
การใช้ข้อมือเป็นศูนย์กลาง เพื่อร่างภาพในวงแคบ
การใช้ข้อศอกเป็นศูนย์กลาง เพื่อร่างภาพในวงกว้าง
การใช้ไหล่เป็นศูนย์กลางเพื่อร่างภาพในวงกว้างมากขึ้น
กระดูกสันหลังส่วนเอว ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อใหญ่ ในการวาดภาพใหญ่ๆ อย่างวาดบนกำแพง เฟรมใหญ่ๆเป็นต้น


เริ่มฝึก
1. ลากเส้นตรงโดยจับดินสอแบบคว่ำใช้ทุกนิ้วสัมผัสให้ใช้ข้อศอกเป็นศูนย์กลางโดยลีอคข้อมือไว้จะได้เส้นที่ตรง
2. ลากเส้น แนวเฉียงโดยจับดินสอแบบคว่ำใช้ทุกนิ้วสัมผัสให้ใช้ข้อศอกเป็นศูนย์กลางโดยลีอคข้อมือไว้จะได้เส้นที่ตรง
3. ลากเส้นแนวนอน โดยจับให้ดินสอแบบคว่ำใช้ทุกนิ้วสัมผัส โดยให้ขนานไปแนวเดียวกับเส้นจะได้เส้นที่ตรง เพราะดินสอได้ถูกประคองไว้ไม่ให้กระดุกกระดิกด้วยนิ้วทั้งห้าของเราแล้ว
4. ตวัดปลายดินสอบนกระดาษด้วยเส้นโค้งสลับกับเส้นที่หมุนวน จนเข้าใจในน้ำหนัก เน้นหนัก เบา ให้ได้อารมณ์ของเส้นเหมือนสายน้ำที่กำลังเลื่อนไหล อย่างไม่หยุดนิ่ง


จาก นั้นเราก็จะมาเริ่มฝึกการใช้จินตนาการในกรสร้างขนาดและสัดส่วนของภาพเพื่อ การที่เราจะสามารถวาดภาพจากต้นแบบได้โดยเข้าใจสัดส่วนและการย่อหรือขยายใน ขนาดของภาพ

มองเป็นเส้น
ไม่ใช่เด็กเส้น แต่เป็นการฝึกการมองภาพข้างหน้าเราแล้วใส่เส้นเข้าไปในภาพนั้น ว่าขนาดรูปร่างสั้นยาวแค่ไหน แบ่งครึ่ง แบ่งเป็นสามหรือสี่ส่วน ซึ่งในการฝึกฝนแบบนี้ต้องใช้จินตนาการเป็นสำคัญ คือให้มองให้เห็นเส้นในอากาศที่เราสร้างขึ้นมาเองจากนั้นก็ทดลองลากและกำหนดแบ่งเส้น เป็นระยะๆดูคร่าวๆ กำหนดด้วยตัวเอง ลากและกำหนดแบ่งเส้น เป็นระยะๆดูคร่าวๆ กำหนดด้วยตัวเอง


หาเป็นองศา
เพื่อความง่ายในการร่างภาพ ในการกำหนด ระยะ ขนาด รูปร่าง ระนาบ หรือพื้นที่ เช่น ของที่วางซ้อนกัน ถ้ามองเป็นองศาแล้วอยู่ประมาณกี่อาศา จากนั้นก็ลองนำไม้โปร มาวัดว่าที่เราเดาไว้ว่าจะแม่นหรือไม่แม่น

การลงน้ำหนัก
ใช้ดินสอ EE ตีกรอบ เพื่อฝึกการไล่น้ำหนัก น้ำหนักจากนั้นก็แบ่งครึ่งในช่องน้ำหนักทั้ง ไปเรื่อยๆจนสามารถกระจายน้ำหนักได้ละเอียดขึ้นเรื่อยๆการลงน้ำหนักนี้ก็เพื่อที่ว่าเราจะสามารถทำให้เกิด ความลึก ระยะ หรือมิติ เพราะตัวน้ำหนักนี้เอง สามารถทำให้เกิดภาพ มิติ หรือ มิติได้ ถ้าเราไม่รู้จักน้ำหนัก หรือไม่สามารถควบคุมน้ำหนักมือของเราได้ก็จะสามารถมิติพิศวงให้กับผู้ชมงานรวมทั่งตัวเราเองได้เหมือนกัน


ทีนี้ก็เริ่มร่างวงกลม ที่เราพยายามร่างมาตั้งแต่ครั้งแรก แต่คราวนี้เราจะเริ่มลงน้ำหนักวัตถุให้กลม โดยรู้จักค่าของแสง+เงาที่สำคัญคือต้องค่อยๆเพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่าพยายามทำครั้งเดียวให้เข้ม พยายามกระจายน้ำหนัก ให้ชัดเจนขึ้น จนกระทั่งเสร็จจากนั้นถึงทำการเน้นจุดที่เข้มที่สุดในภายหลังจาก drawing606.blogspot.com และ user thedrawinghands ใน youtube